
ประวัติความเป็นมา

บึงบอระเพ็ด
บึงบอระเพ็ดเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีทิวทัศน์สวยงามและความหลากหลายทางชีวภาพ มีพืชพรรณ ไม้น้ำ ปลา รวมถึงนกน้ำทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ แต่เดิมไม่ได้เป็นทะเลสาบที่มีน้ำตลอดทั้งปี แต่เกิดขึ้นจากการสร้างฝายกั้นเพื่อกักเก็บน้ำเมื่อไม่ถึงร้อยปีที่ผ่านมา
ในช่วงปลายรัชกาลที่ 6 เป็นยุคเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และเป็นช่วงเวลาที่สังคมไทยเปิดกว้างรับวิทยาการตะวันตก มีการจัดตั้งหน่วยงานด้านกิจการน้ำ เช่น การชลประทานและการประมง โดยมีที่ปรึกษาหรือผู้รับผิดชอบเป็นชาวต่างประเทศ
ในปี พ.ศ. 2466 ดร.ฮิวจ์ เอ็ม สมิธ (Dr. Hugh M. Smith) ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงชาวอเมริกันได้สำรวจบึงบอระเพ็ด ดร.สมิธ รายงานว่าบึงบอระเพ็ดเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่สำคัญสำหรับการเพาะพันธุ์ปลาในภาคกลาง แต่มีน้ำขังตามฤดูกาลเท่านั้น จึงควรบำรุงรักษาให้เป็นที่อยู่อาศัยของปลา กระทรวงเกษตราธิการในสมัยนั้นจึงกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตจากในหลวงรัชกาลที่ 7 เพื่อสร้างคันกั้นน้ำและประตูระบายน้ำเพื่อกักเก็บน้ำให้จอมบึงมีน้ำตลอดปี ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2469 นับเป็นโครงการแรกๆ ที่ได้รับพระบรมราชานุญาต เนื่องจากในหลวงรัชกาลที่ 7 เพิ่งทรงขึ้นครองราชย์ได้เพียงปีแรก
ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงมีลายพระหัตถ์พระราชกระแสว่าเรื่องนี้ใช้เงินทองมาก และให้กำหนดเขตหวงห้ามในการจับปลาในบึง เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาถูกทำลายจนหมดสิ้น
การก่อสร้างเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2470 โดยสร้างทำนบกั้นน้ำที่ร่องน้ำด้านตะวันตกสุดของบึง เพื่อกักเก็บน้ำที่ความสูง 23.80 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีคลองใหญ่ด้านทิศเหนือที่เชื่อมจอมบึงกับแม่น้ำน่าน ซึ่งมีต้นบอระเพ็ดขึ้นอยู่หนาแน่นตามแนวฝั่ง ชาวบ้านเรียกว่าคลองบอระเพ็ด มีการสร้างประตูระบายน้ำเพื่อกั้นคลองสายนี้ ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืด
การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2471 ใช้เวลาเพียงฤดูเดียวก็เกิดเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ตามระดับกักเก็บ ชาวบ้านจึงเรียกบึงน้ำใหญ่นี้ว่า "บึงบอระเพ็ด" ตามชื่อคลองที่เชื่อมบึงกับแม่น้ำน่าน
มีการออกกฎหมายกำหนดเขตบึงบอระเพ็ดเพื่อใช้เป็นแหล่งรักษาพืชและพันธุ์ปลาน้ำจืดในปี พ.ศ. 2471 และแก้ไขเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2473 แรกเริ่มประกาศเป็นเขตหวงห้ามเนื้อที่ 250,000 ไร่ แต่ในปี พ.ศ. 2480 เนื่องจากประชากรหนาแน่นขึ้น รัฐบาลได้เพิกถอนมิให้ทำการประมงเด็ดขาด จึงเหลือพื้นที่เพียง 38,000 ไร่ และเขตกำหนดชนิดเครื่องมือหาปลา 93,800 ไร่
ประวัติบึงบอระเพ็ด (โดยย่อ) พ.ศ.2466-2566
ปี พ.ศ.2466 รัชกาลที่ 6 ให้กระทรวงเกษตราธิการจ้าง Dr.Huge MoCormick Smith วางรากฐานการประมงของประเทศไทย ให้ “บึงบอระเพ็ด” เป็นที่ปลาอาศัยเลี้ยงตัว วางไข่ และแพร่พันธุ์ ควรมีการบำรุงรักษาให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลา
ปี
พ.ศ.2469
เจ้าพระยาพลเทพถวายรายงาน รัชกาลที่ 7
และทรงมีลายพระหัตถ์พระราชกระแสให้สงวนบึงบอระเพ็ดไว้เป็นที่บำรุงพันธุ์ปลาน้ำจืด
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2469 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพระบรมราชานุญาติ
ให้ดำเนินการตามโครงการที่ได้กราบบังคมทูลพระกรุณา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2469
ปี
พ.ศ.2470
สร้างทำนบและประตูระบายน้ำที่ระดับ 23.80 ม.รทก.
ปี
พ.ศ.2473
ประกาศหวงห้ามที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินบริเวณบึงบอระเพ็ด 3 ฉบับ คือ
ประกาศนายอำเภอปากน้ำโพ นายอำเภอชุมแสง นายอำเภอท่าตะโก
ปี
พ.ศ.2474
กำหนดแนวเขตบึงบอระเพ็ดที่หวงห้าไว้บำรุงรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำ พื้นที่ 250,000
ไร่
ปี
พ.ศ.2480
ประกาศ พรฎ. ถอดการหวงห้ามที่ดินบางส่วนฯ บึงบอระเพ็ด เหลือพื้นที่ 32,737-0-56
ไร่
ปี
พ.ศ.2490
แบ่งเขตรักษาพืชพันธุ์อกเป็น 2 เขต
- เขตที่ 1
หวงห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงโดยเด็ดขาด มีพื้นที่ 38,850
ไร่
- เขตที่ 2 อนุญาตให้ราษฏรทำการประมงโดยใช้เครื่องมือบางชนิดที่กำหนดให้ใช้ได้ประมาณ
93,887-0-56 ไร่
ปี
พ.ศ. 2511 บึงบอระเพ็ดเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
เมื่อมีการค้นพบนกชนิดใหม่ของโลกคือ “นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร”
ประกอบกับมีนกน้ำนานาชนิด มาอาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก
จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “อุทยานนกน้ำบึงบอระเพ็ด”
ปี
พ.ศ. 2518 เมื่อวันที่
19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ประกาศจัดตั้งเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด มีเนื้อที่ประมาณ 66,250
ไร่
ปี
พ.ศ.2528 ขึ้นทะเบียนบึงบอระเพ็ดเป็นแปลงหมายเลขที่
นว.339 (ยังไม่มีโฉนด)
ปี
พ.ศ.2535 ปรับปรุงประตูและสร้างทำนบใหม่
ที่ระดับ 24.00 ม.รทก.
ปี
พ.ศ.2560 ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเพื่อบำรุงรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำ
พื้นที่ 132,639-3-34 ไร่
ปี
พ.ศ.2562
มีมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์
โดยมีแผนพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด 6 ด้าน และแผนปฏิบัติการโครงการเร่งด่วน 9
โครงการ
ปี
พ.ศ.2563
แบ่งเขตรักษาพืชพันธุ์ใหม่ (เขตที่ 1)
หวงห้ามมิให้ผู้ใดทำกาประมงโดยเด็ดขาดเนื้อที่ 10,700 ไร่
และธนารักษ์พื้นที่ จังหวัดนครสวรรค์ ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมประมง เรื่อง
ขอความยินยอม พื้นที่ “ให้” กรมประมงส่งคืนพื้นที่
“ให้” 41,139-3-37 ไร่
ปี
พ.ศ.2564
สนง.ธนารักษ์พื้นที่นครสวรรค์ กำหนดแนวเขต “ให้ หวง ห้าม” ใหม่เป็น พื้นที่ “ให้” 42,496-1-01
ไร่ พื้นที่ “หวง” 43,123-0-42 ไร่ พื้นที่ “ห้าม” 47,040-1-91 ไร่
ปี
พ.ศ.2565
ธนารักษ์พื้นที่นครสรรค์ ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมประมง เรื่อง ขอความยินยอมพื้นที่ “หวง” 43,123-0-42 ไร่
ปี
พ.ศ.2566
ธนารักษ์พื้นที่นคสรรค์ ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมประมง เรื่อง ขอความยินยอมพื้นที่ “ให้
หวง” ตามการกำหนดแนวเขต “หวง ห้าม”
ใหม่โดยกรมประมงให้ความยินยอมตามเสนอ
และได้มีมติคณะรัฐมนตรีโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนในพื้นที่เจ้าพระยาใหญ่
(สี่แคว โมเดล)
รวบรวมข้อมูล 1. ดร. วชิระ
กว้างขวาง ประมงจังหวัดนครสวรรค์
2.
นายสมศักดิ์ ทองหุล ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดขอนแก่น
3. นายมารุต เครือภู่ นักวิชาการประมงปฏิบัติการ
เรียบเรียงข้อมูล 1. ดร. วชิระ กว้างขวาง ประมงจังหวัดนครสวรรค์
2. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด
3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปฏิวิชช์ สาระพิน สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ม.ราชภัฏนครสวรรค์