ข้อมูลพืช


พุดผา

ชื่ออื่น ข่อย (สน);มือเสือ (สระบุรี);ข่อยหิน พุดผา สามพันตา (อุบลราชธานี);ปัดหิน ข่อยโคก ข่อยด่าน

ชื่อวิทยาศาสตร์ Gardenia saxatilis Geddes

ชื่อวงศ์ Rubiaceae


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

          ไม้พุ่ม ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านมาก กิ่งก้านตั้งฉากกับลำต้น สูง 2-4 เมตร เปลือกต้นสีขาวนวล   ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับฉาก รูปวงรีแกมขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมใบหอกกลับ กว้าง 2 - 4 เซนติเมตร ยาว 5 - 8 เซนติเมตร ปลายใบโค้งกลม แผ่นใบมีขน ผิวใบสากมือ หูใบอยู่ระหว่างก้านใบ ขอบใบเรียบ หลังใบสีเขียวเป็นมัน  ดอกเดี่ยว สมบูรณ์เพศ ออกที่ซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว   เชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย กลิ่นหอม ก้านดอก และกลีบเลี้ยงสีเขียว กลีบเลี้ยงมี 6 กลีบ มีขนสีขาว เกสรเพศผู้ มี 6 อัน ฐานติดอยู่ด้านในของกลีบดอก เป็นแผ่นเรียว เกสรเพศเมีย รังไข่มี 2 ห้อง ผลสด รูปไข่กลับ  เมื่อสุกสีส้ม เมล็ดเดียว หุ้มด้วยเยื่อสีส้ม พบตามลานหินในป่าเต็งรัง ออกดอกราวเดือนเมษายน  จัดเป็นพืชหายาก

          พุดผา หรือสีดาดง ข่อยดาน ข่อยหิน ชื่อวิทยาศาสตร์: Gardenia collinsiae เป็นพืชในสกุลพุด  อยู่ในวงศ์ Rubiaceae เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก พบในป่าเต็งรัง ป่าเขาหินปูน หรือป่าใกล้ชายหาด ใบเดี่ยว  ดอกเดี่ยว กลิ่นหอมแรง ผลกลมเกลี้ยง ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่ ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม กระจายพันธ์ในภาคกลาง(พบที่วนอุทยานถ้ำเพชร - ถ้ำทอง อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ใช้เป็นไม้ประดับ พบครั้งแรกที่อำเภอศรีราชา   จังหวัดชลบุรีโดย D.J. Collins ชื่อสปีชีส์ตั้งเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ

           ดอกหอมแรง หอมทั้งวันและเมื่ออกดอก หอมสะพรั่งทั้งต้น จัดเป็น 1 ใน พรรณไม้ดอกหอมในสกุลพุดที่มีเสน่ห์อย่างมากชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ออกดอกสีขาวพรูเต็มต้น และส่งกลิ่นหอมกระจายไปตลอดวัน ได้สร้างความประทับใจ ให้แก่ผู้ที่ไปชื่นชมจนยากจะลืมเลือน เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก โตเต็มที่ราว 3 เมตร ชอบแดด ดูแลง่าย มาก ใบเดี่ยว ดอกเดี่ยว กลิ่นหอมแร ผลกลมเกลี้ยง ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่


สรรพคุณ 

หมอยาพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี  ใช้  เนื้อไม้ ราก ต้มน้ำดื่ม แก้เบื่อเมา แก้พิษ ช่วยถอนพิษเห็ดเมา เปลือกต้น แช่เหล้าพอท่วม เอาส่วนน้ำทา แก้อัมพาต ปวด ชา ตามแขนขา ลำต้น ต้มน้ำดื่มแก้เบื่อเมา