ข้อมูลพืช


กะเรกะร่อน

ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbidium aloifolium (L.) Sw.

(ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cymbidium simulans Rolfe, Epidendrum aloifolium L.

วงศ์               ORCHIDACEAE)

ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ  เอื้องปากเป็ด (เชียงใหม่), เอื้องด้ามข้าว (ลำปาง), กล้วยหางไหล (ชุมพร), กาเรการ่อน (ภาคกลาง) เป็นต้น

 ช่อดอกแบบกระจะ ออกที่ข้างลำและห้อยลง มี 12–25 ดอก ดอกกว้าง 3 เซนติเมตร สีแดง กลีบเลี้ยงรูปขอบขนาน กลีบดอกสั้นกว่า ปลายกลีบแหลมกว่า ขอบกลีบสีเหลือง กลีบปากมีหูรูปสามเหลี่ยมตั้งขึ้น โคนกลีบมีสันสองสัน

ต้นกะเรกะร่อน มีเขตการกระจายพันธุ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดเป็นกล้วยไม้อิงอาศัยเกาะอยู่ตามต้นไม้อื่น ๆ ลำต้นมีขนาดสั้น ลำต้นเจริญทางด้านข้าง ลำลูกกล้วยรูปรี เกาะรวมกันเป็นกระจุกแน่น (ลำต้นเป็นหัวรูปรี มีหลายข้อ และขึ้นชิดกันเป็นกอ ๆ) มีใบรูปขอบขนาน 3–4 ใบ ใบหนาและแข็ง ปลายใบมน ต้นมีรากออกเป็นเส้นแข็งชี้ขึ้นไปในอากาศ สามารถพบได้ตามป่าผลัดใบและป่าไม่ผลัดใบ (บ้างว่าพบได้ตามป่าเต็งรัง ตามที่โล่งแจ้งมีแสงแดดจัด ในระดับหลายความสูง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแยกหน่อ


ดอกกะเรกะร่อน ออกดอกเป็นช่อสายห้อยลง โดยจะออกที่โคนต้น มีช่อดอกประมาณ 1-2 ช่อ ช่อดอกมีความยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร ในช่อดอกมีดอกย่อยจำนวนมาก (ประมาณ 17-26 ดอก) ดอกมีขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตร (บ้างว่าเส้นผ่านศูนย์กลางดอกกว้างประมาณ 3.5 เซนติเมตร) กลีบดอกสั้นสีเหลืองมีลักษณะเป็นรูปแถบ มีแถบสีม่วงหรือสีน้ำตาลอมแดงขอบขาว ส่วนกลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ มีลักษณะเป็นรูปแถบ โดยกลีบดอกจะแคบและสั้นกว่ากลีบเลี้ยง เกสรเพศผู้มีสีเหลือง โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน (บ้างว่าจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคม)

ผลกะเรกะร่อน ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก เป็นพู 5 พู ผิวผลเรียบ (บ้างว่า ผลมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานสีน้ำตาล) ยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร ผลเป็นสีเขียวอมสีเหลือง เมื่อผลแห้งจะแตกได้ ในผลมีเมล็ดเป็นผงละเอียดจำนวนมาก

 

ที่มาของเรื่องและภาพ “กะเรกะร่อน”https://medthai.com สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567